Facial Treatment ดีอย่างไร ?

Facial Treatment ดีอย่างไร ?

Facial Treatment ดีอย่างไร ?

          คืนชีวิตให้ผิว ด้วยทรีทเม้นท์หน้าสุดคูลที่ Kalm Clinic ทุกวันนี้ออกจากบ้านแต่ละทีเพลียไม่ไหว คิดจะสู้ชีวิตแต่ชีวิตก็สู้กลับทุกที ทั้งฝุ่นควัน มลภาวะ PM 2.5 แถมยังต้องอึดอัดผิวหน้าเพราะใส่แมส์กทั้งวันอีก รู้ตัวอีกทีผิวก็อาจจะไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน ทาสกินแคร์ยังไงก็ไม่ปัง ใครกำลังประสบปัญหาแบบนี้อยู่มาทางนี้เลยครับ หมอเคนมีตัวช่วยดี ๆ มาฝาก ในเมื่อครีมเอาไม่อยู่ ก็คงต้องใช้ทรีทเม้นท์เข้าช่วย ดีงามยังไงไปตามอ่านกันเลย

ทรีทเม้นท์หน้า (Facial Treatment) คืออะไร ?

          ทรีทเม้นท์หน้า (Facial Treatment) คือการดูแลผิวหน้าอย่างล้ำลึก ด้วยการใช้ศาสตร์แห่งการบำรุงร่วมกับการใช้มาส์กและสารบำรุงที่มีส่วนผสมแตกต่างกันตามแต่ละสภาพผิว เป็นการฟื้นบำรุงผิวหน้า ปรับสภาพผิว ผลัดเซลล์ผิว รวมถึงอาจมีการผสมผสานศาสตร์การนวดหน้าร่วมด้วย

ทำไมต้องทำทรีทเม้นท์ที่ Kalm Clinic ?

          นอกจากการทำทรีทเม้นท์เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งจะดีต่อผิวหน้าคุณแล้ว หมอเคนแอบกระซิบว่าหากเลือกมาทำทรีทเม้นท์ที่ Kalm ยังดีต่อใจของคุณอีกด้วยน้า เพราะเราครีเอทสถานที่สุดพิเศษ ออกแบบขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน แถมยังให้ความเป็นส่วนตัวกับคุณแบบสุด ๆ ดียังไงไปอ่านกันเลย

  • 4 Signature Formulas เราตั้งใจออกแบบทรีทเม้นท์ที่แตกต่างกันถึง 4 สูตร ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่ไม่เหมือนกัน และแน่นอนว่าทรีทเม้นท์แต่ละสูตรจะผสมผสานบริการแบบจัดเต็ม คุ้มเหมือนได้มาทำสปาเลยค้าบ
  • Anti-Aging Nerd เพราะหมอเคนเชี่ยวชาญและเข้าใจในศาสตร์แห่งการชะลอวัย ดังนั้นทรีทเม้นท์ทุกตัวจึงมีกิมมิคเฉพาะ เพื่อคงวัยซึ่งผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ และเติมคุณประโยชน์ให้ผิวในแบบที่คุณต้องการ
  • You are Special เพราะเราให้ความสำคัญกับทุก ๆ คนที่ก้าวเท้าเข้ามาที่ Kalm Clinic ดังนั้นเราจึงยินดีให้คำปรึกษาทุกท่าน พร้อมรับฟังอย่างเข้าใจ ไม่ได้ฟื้นบำรุงแค่ผิว แต่ยังช่วยฟื้นบำรุงจิตใจ เป็นความสบายใจให้กับทุกคน
  • All in One ทำทรีทเม้นท์ที่ Kalm ครบจบในคอร์สเดียว เพราะในแต่ละโปรแกรมได้ออกแบบมาเพื่อดูแลผิวคุณแบบจัดเต็ม ไม่ใช่เพียงแค่มาสก์หน้าเท่านั้น แต่ยังได้รวมไปถึงขั้นตอนผลักวิตามิน ดีท็อกซ์ผิว นวดหน้า กดสิว และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นจ่ายทีเดียวจบ ไม่ต้องซื้อคอร์สเพิ่ม
  • Kalm is a Key หัวใจสำคัญของการผ่อนคลายที่แท้ทรู คือการฟื้นฟูสุขภาพทั้งทางกายและทางใจ เราจึงพร้อมเสิร์ฟคุณลูกค้าทุกท่านด้วยรูป รส กลิ่น เสียงที่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอโรม่าที่ต้อนรับคุณตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา ชาสมุนไพรสูตร No Sugar เสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ หรือะจะเป็นบรรยากาศที่แสนสบายใจ
Vitamin IV Drip คืออะไร ?

Vitamin IV Drip คืออะไร ?

Vitamin IV Drip คืออะไร ?

          เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินคำว่า IV Drip กันอยู่แล้วใช่มั้ยครับ แต่อาจจะยังไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่? แท้จริงแล้ว IV คือวิธีการให้สารอาหารหรือวิตามินจำเป็นทางเส้นเลือด เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้มากขึ้นและไวขึ้น เหมือนกับเวลาที่เราไม่สบายแล้วต้องให้อาหารผ่านทางน้ำเกลือนั่นแหละครับ ดังนั้น IV Drip ก็คือการให้สารอาหารที่จำเป็นต่อผิวและร่างกายเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สารต่าง ๆ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเกือบ 100% ซึ่งให้ผลมากกว่าการทานวิตามิน ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็จะชัดเจนกว่า ไวกว่า แถมยังสะดวก และปลอดภัยอีกด้วยครับ

        เติมวิตามินผิว สุขภาพดีมีออร่า ด้วย IV Drip อยากสวยขึ้น ดูดีขึ้น ปังปุมากขึ้น ควรเริ่มจากตรงไหนดี? หมอเคนคิดว่าควรเริ่มจากภายในครับ อย่างที่ Kalm Clinic มักจะย้ำเสมอว่าสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจากการไม่เป็นโรค ดังนั้นถ้าคุณสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง มันก็จะแสดงออกมาเป็นผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง รูปร่างที่สมส่วน และใบหน้าที่ดูแจ่มใสมีออร่าครับ แต่หากใครกำลังประสบปัญหาผิวหมองคล้ำ รู้สึกอ่อนแรง ไม่สดชื่นอย่างที่ควรจะเป็น ที่ Kalm ก็มีตัวช่วยดี ๆ อยากจะบอกต่อ นั่นก็คือวิตามินผิว IV Drip ที่จะช่วยบูสต์ภูมิคุ้มกันจากภายใน ส่งเสริมให้คุณดูเปล่งประกายถึงภายนอก ตามมาดูกันเลยดีกว่าค้าบว่ามีสูตรไหนเด็ด ๆ ปัง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มพลังให้ผิวคุณบ้าง

Vitamin IV Drip ปังกว่าการทานวิตามินยังไง ?

        โดยปกติแล้วร่างกายเราจะได้รับวิตามินจากการรับแสงแดดและการกินอาหารทั่วไป ซึ่งหากเราทานอาหารครบ 5 หมู่ ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้าง และพักผ่อนอย่างเพียงพอ เราก็มักจะได้รับวิตามินตามปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวันอยู่แล้วครับ แต่ถ้าหากเราอยากได้วิตามินมากขึ้น หรือต้องการเสริมด้านใดด้านหนึ่งมากขึ้น เช่น อยากผิวกระจ่างใสมากขึ้นเพราะพึ่งไปทะเลมา อยากรู้สึกสดชื่นมากขึ้นเพราะช่วงนี้พักผ่อนน้อย การให้วิตามินทางเส้นเลือด (Vitamin IV Drip) ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ครับ แล้วการให้วิตามินทางเส้นเลือดมันดีกว่าการกินวิตามินแบบเม็ดยังไงล่ะ? หมอเคนจะสรุปให้อ่านกันค้าบ

          Vitamin IV Drip 1 ครั้ง ให้สารอาหารได้ครบถ้วนมากกว่าถ้าลองสังเกตนะครับ เพื่อน ๆ จะเห็นว่าวิตามินแบบกินที่วางขายทั่วไป แต่ละยี่ห้อแต่ละแบรนด์จะบรรจุวิตามินต่างชนิดกัน หากต้องการได้สารอาหารครบถ้วน อาจจะต้องกินทีละหลาย ๆ ยี่ห้อหลาย ๆ เม็ด ไม่เหมือนการให้ IV Drip ที่สามารถบรรจุสารอาหารจำเป็นครั้งเดียว โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าสารอาหารอะไรสามารถให้พร้อมกันได้บ้าง เพื่อให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากที่สุด

          Vitamin IV Drip สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าโดยสารอาหารที่ได้รับเข้าไปจะถูกดูดซึมเกือบ 100% ไม่เหมือนการกินวิตามิน เพราะสารอาหารที่ได้จากการกินวิตามินจะถูกดูดซึมแค่ 30% เท่านั้น เนื่องจากสารอาหารบางส่วนจะถูกย่อยทำลายตามกระบวนการธรรมชาติ

          Vitamin IV Drip ให้ผลเร็วกว่าเนื่องจากสารอาหารถูกดูดซึมเข้าไปได้แบบเต็มที่ ดังนั้นการให้ IV Drip เป็นประจำจะทำให้เห็นผลที่ต้องการอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่เปล่งปลั่งขึ้น ร่างกายที่อุดมสมบูรณ์แข็งแรง รวมทั้งภูมิคุ้มกันที่มากขึ้นด้วยครับ

        แต่ทั้งนี้ การทานวิตามินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ซะทีเดียว เพราะการทานวิตามินในปริมาณที่เหมาะสมก็เหมือนการคงสภาพร่างกายให้อุดมสมบูรณ์อยู่เรื่อย ๆ เป็นการป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันตกนั่นเองครับ

5 เหตุผล ทำไม Kalm Clinic ถึงมั่นใจและอยากบอกต่อความปังของ IV Drip

        เพราะหมอเคนให้ความสำคัญกับสุขภาพ แถมยังเนิร์ดเรื่องวิตามินแบบสุด ๆ ดังนั้นเราจึงใส่ใจในทุกขั้นตอน อยากดูแลให้คุณผิวสวยสุขภาพดี ตั้งแต่ภายในถึงภายนอก เปิดมิติใหม่ของการให้วิตามินผิว กับ 5 ความปังที่อยากให้คุณมาลอง

Kalm Special Formula เพราะเราเข้าใจว่าปัญหาของแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงออกแบบวิตามินผิวมาให้ถึง 13 สูตร ตอบโจทย์ความต้องการของร่างกายที่ไม่เหมือนกัน แถมยังมี Personalized IV Drip ให้คุณกับหมอเคนร่วมกันออกแบบสูตรวิตามินที่ใช่แบบไม่มีใครเหมือน พิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะ

Kalm Vitamin Expert เพราะเราคือกูรูด้านวิตามิน เราจึงเข้าใจว่าไม่ใช่วิตามินทุกตัวจะอยู่รวมกันได้ ดังนั้นหากต้องการให้ IV Drip อย่างเต็มประสิทธิภาพ จำเป็นต้องคัดสรรสูตรให้เหมาะสม และพิถีพิถันลำดับในการเสิร์ฟวิตามินแต่ละตัว ที่สำคัญหมอเคนยังดูแลเองทุกเคส หมดห่วงเรื่องเขียวช้ำ หาเส้นเลือดไม่เจอหรือเจ็บตัวฟรีไปได้เลยค้าบ

Kalm Signature Vitamin Bag ถุงวิตามินพิเศษที่หมอเคนตั้งใจออกแบบเพื่อคุณลูกค้าโดยเฉพาะ ด้วยการดีไซน์แบบ 2 พอต ทำให้ตัววิตามินเข้าและออกคนละช่องทาง ปลอดภัย ป้องกันการปนเปื้อน มาพร้อมดีไซน์ที่ดูน่ารักน่าใช้ ใครที่กลัวเข็มอาจจะติดใจจนลืมความกังวลไปเลย

Kalm Ralaxing View ความเครียดทำให้วิตามินไม่แสดงประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้นเราจึงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี เนรมิตสถาปัตยกรรมที่ขาวคลีนสบายตา มองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียวท่ามกลางวิวกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งรองรับลูกค้าทุกท่านด้วย Sleep Pod สุดนุ่ม ปรับเอนนอนได้ ให้ความเป็นส่วนตัวสุด ๆ

Kalm is a Key หัวใจสำคัญของการให้วิตามิน คือการฟื้นฟูสุขภาพทั้งทางกายและทางใจ เสริมสร้างความสงบ ผ่อนคลาย สบายเหมือนอยู่ในสปา เราจึงพร้อมเสิร์ฟคุณลูกค้าทุกท่านด้วยรูป รส กลิ่น เสียงที่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอโรม่าที่ต้อนรับคุณตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา ชาสมุนไพรสูตร No Sugar เสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ หรือะจะเป็นบรรยากาศที่แสนสบายใจ

VIVACE คืออะไร?

VIVACE คืออะไร?

VIVACE คืออะไร?

          VIVACE เป็นเครื่องที่เกิดมาเพื่อแก้สารพัดปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวไม่กระชับ จุดด่างดำ ด้วยเทคโนโลยี Fractional Microneedle RF ที่จะช่วยส่งพลังงานคลื่นวิทยุลงไปยังผิวแบบเป็นส่วน ๆ ซึ่งพลังงานจะกระตุ้นที่ผิวชั้นลึก โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน ทำให้ผิวที่เคยเสื่อมสภาพเกิดการจัดเรียงโครงสร้างใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยตัดพังผืดหลุมสิว ทำให้หลุมสิวหรือรูขุมขนดูตื้นขึ้นทันที และยังป้องกันการกลับมาเป็นหลุมสิวซ้ำอีกด้วย ที่สำคัญหลังทำยังไม่เจ็บ ไม่แดง ไม่มีสะเก็ด เรียกได้ว่าทำเสร็จปุ๊บ ก็สามารถแต่งหน้าออกไปทำคอนเท้นท์ต่อได้เลยค้าบ

VIVACE มาพร้อม 3 เทคโนโลยีหลักที่ช่วยแก้ไขได้ครบ จบทุกปัญหาผิว ได้แก่

         1. เทคโนโลยีLED Light เป็นลำแสง LED ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อสิว เป็นการป้องกันปัญหาสิวจากต้นเหตุ

         2. เทคโนโลยี Microneedle เป็นเข็มขนาดเล็กที่ยื่นออกมาจากส่วนหัวของเครื่อง ทำหน้าเปิดผิวชั้นนอก และผลักตัวยาและสารที่มีประโยชน์เข้าไปยังผิวชั้นใน

         3. เทคโนโลยี Fractional RF เป็นเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุที่สามารถส่งพลังงานลงไปยังผิวชั้นลึกแบบเป็นส่วน ๆ ลงไปได้ถึงระดับความลึก 3.5 mm พลังงานเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และไฮยาลูรอน ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟื้นฟู และซ่อมแซมชั้นผิว และช่วยให้ผิวเกิดความชุ่มชื้น

         ดังนั้นจึงรู้สึกได้ว่าผิวดูโกลวสวย ตึงกระชับ ปังปุตั้งแต่ครั้งแรก

VIVACE ดีอย่างไร ?

          ผิวดี ผิวโกลว ผิวฉ่ำวาวใครบอกว่าเป็นเรื่องยาก ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ผิวสวยแต่เกิด แต่แอบกระซิบว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ก็เสกได้! ด้วยเครื่อง VIVACE นวัตกรรมเพื่องานผิวแบบใหม่แบบสับที่กำลังฮอตฮิตในเกาหลี จุดเด่นคือสามารถกระตุ้นผิวชั้นลึก เปลี่ยนผิวเก่าสุดพังให้กลายเป็นผิวใหม่สุดปังกว่าที่เคย เคล็ดลับผิวเนียนละเอียดของดาราเซเลปหลาย ๆ คนแน่นอนว่าหมอเคนรู้ใจเพื่อน ๆ และยกเจ้าเครื่อง VIVACE มาไว้ที่ Kalm เรียบร้อย แต่ถึงแม้จะเป็นเครื่อง VIVACE เหมือนกัน ก็เอามาเทียบกันไม่ได้ เพราะ Kalm Clinic ได้ออกแบบสูตรและขั้นตอนการทำเฉพาะตัว อิมพอร์ตเทคนิคปั๊วะ ๆ มาจากเกาหลี และปรับให้เข้ากับผิวของแต่ละคน รับรองว่าใครทำก็ต้องติดใจแน่นอน

          เครื่องเดียวแก้ได้ครบทุกปัญหาผิว ทั้งหลุมสิว รูขุมขน จุดด่างดำ ผิวหย่อนคล้อย ใช้เวลาทำหัตถการไม่นาน เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก สามารถทำซ้ำได้ทุกเดือน ไม่เจ็บ ไม่มีรอยแดง ไม่เป็นสะเก็ดหลังทำ ไม่ทำร้ายผิวชั้นบน ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ

VIVACE เหนือกว่า Microneedle RF  ตัวอื่นอย่างไร ?

          หากพูดถึง Microneedle RF หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงเครื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน หมอเคนจึงอยากเปรียบเทียบประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นชัด ๆ ว่าทำไม Kalm Clinic ถึงเลือกใช้ VIVACE ครับ การปล่อยพลังงาน Microneedle RF จะอาศัยการปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุผ่านเข็มขนาดเล็กลงไปยังชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับโครงสร้าง แต่ VIVACE จะพิเศษกว่าเครื่องอื่นเนื่องจากสามารถกระตุ้น Hyaluronic Acid ได้ด้วย จึงเห็นผลในเรื่องผิวฉ่ำวาว ผิวโกลวมากกว่า

          ระยะเวลาพักฟื้น หลังทำ Microneedle RF เครื่องอื่น ๆ อาจเกิดรอยแดงเล็กน้อย ในบางคนอาจเกิดสะเก็ดแผลบาง ๆ แต่จะหายไปได้เอง ส่วน VIVACE นั้นไม่ก่อให้เกิดรอยแดงหรือสะเก็ดแผลใด ๆ หลังทำสามารถแต่งหน้าตามได้ทันที จำนวนชอตที่ยิง โดยปกติแล้วคลินิกที่รับทำ Microneedle RF เครื่องอื่น ๆ จะมีการจำกัดจำนวนชอต ในขณะที่ VIVACE สามารถทำได้อย่างไม่จำกัดจำนวนชอต

          ผลลัพธ์ที่ได้ หลังทำ Microneedle RF เครื่องอื่น ๆ จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเมื่อผ่านไปอย่างน้อย 2-3 ครั้ง ในขณะที่หลังทำ VIVACE จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้นทันที

Ultraformer III คืออะไร?

Ultraformer III คืออะไร?

Ultraformer III คืออะไร ?

          Ultraformer III คือเทคโนโลยียกกระชับตัวใหม่ที่ Kalm Clinic ตั้งใจคัดสรรมาเป็นพิเศษ

ทำงานโดยส่งพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ความถี่สูงที่เรียกว่า MMFU ลงไปใต้ผิวได้ทุกระดับชั้นอย่างแม่นยำ กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนถาวร ปลอดภัย ไม่กระทบต่อผิวหนังด้านบน เจ็บน้อย ไม่มีแผลหลังการรักษา แถมยังเห็นผลทันทีหลังทำอีกด้วย

          ปัจจุบัน Ultraformer III เป็นหนึ่งในเทคโนโลยียกกระชับตัวท็อปที่ได้รับการยอมรับจาก 50 ประเทศทั่วโลก การันตีความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาทั้งในประเทศยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศไทย จึงมั่นใจได้ว่าสามารถช่วยกระชับผิวและสลายไขมันได้จริง

          Ultraformer III ทำงานโดยส่งพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ความถี่สูงลงไปยังใบหน้า เพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ หรือปัญหาริ้วรอยจาง ๆ โดยความปังคือเจ้าเครื่องนี้มีหลายหัวยิง สามารถลงไปยัง 3 ชั้นผิว และยังสามารถปรับระดับพลังงานได้อีกด้วย 

          – ชั้น SMAS หัวยิงระดับความลึก 4.5 mm ช่วยกระตุ้นการหดตัวของชั้นผิว ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูยกกระชับ สวยเป๊ะทันทีหลังทำ

          – ชั้น Lower Dermis หัวยิงระดับความลึก 3.0 mm กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยฟื้นฟูริ้วรอยร่องตื้น

          – ชั้น Upper Dermis หัวยิงระดับความลึก 1.5 mm ช่วยยกกระชับผิวด้านบนให้เต่งตึงและเรียบเนียน

Ultraformer III เหมาะกับใคร ?

          เมื่ออายุมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนคงประสบปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย รูปหน้าไม่ตึงกระชับ หรือจะเป็นริ้วรอยร่องตื้นที่กวนใจ คงจะดีใช่ไหมครับถ้ามีนวัตกรรมที่ช่วยขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หายไป และคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้าของคุณได้ หมอบอกเลยว่า Ultraformer III นี่แหละที่ตอบโจทย์สุด ๆ หากใครอยากรู้ว่า Ultraformer III ดีไหม? เจ้าเครื่องนี้ยกกระชับหน้าได้จริงหรอ? แล้วเหมาะกับปัญหาของเรารึเปล่า? หมอเคนมีคำตอบค้าบ

อายุเท่าไหร่ถึงเริ่มทำ Ultraformer III ได้?

          จริง ๆ แล้วเพียงอายุ 20 ปีขึ้นไปก็สามารถทำ Ultraformer III ได้แล้วครับ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อยจากอีลาสตินที่หย่อนลง เริ่มมีร่องใต้ตา ร่องแก้ม และริ้วรอยตื้น ๆ ปรากฏให้เห็น ยิ่งเราปล่อยเอาไว้ไม่ทำอะไรกับมัน อีลาสตินมันก็จะหย่อนลงเรื่อย ๆ ทำให้ผิวหน้าโดยรวมหย่อนคล้อยแบบทวีคูณ ริ้วรอยเริ่มถามหา ตีนกาเริ่มมาเยือนแล้วล่ะค้าบ ดังนั้นหมอเคนจึงอยากแนะนำให้ทุกคนดูแลผิวเป็นประจำ และใส่ใจเรื่องการยกกระชับผิวหน้าตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ พออายุมากขึ้น หน้าจะได้ยังเนียนเด้ง และดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอน้า

Ultraformer III เหนือกว่า HIFU อย่างไร ?

          ถ้าเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีเก่า ๆ อย่าง HIFU ต้องบอกเลยว่า Ultraformer III นั้นปังกว่า ต๊าชกว่า และเหนือกว่าในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

– ปล่อยพลังงานได้แม่นยำกว่า ส่งพลังงานลงลึกถึงผิวหนังชั้น SMAS

– เจ็บน้อยกว่า แต่เห็นผลในการยกกระชับหน้าชัดกว่า แถมยังอยู่ได้นาน 6-12 เดือน

– เครื่องเดียวแก้ได้หลายปัญหาผิว ทั้งยกกระชับหน้า ปรับกรอบหน้าให้ชัด ลดริ้วรอย

– ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก 50 ประเทศทั่วโลก ปลอดภัย เช็คจำนวนช็อตได้ ตัวเครื่องผลิตจากบริษัทเลเซอร์ชั้นนำระดับโลก 

– ยังมีให้เลือกหลายหัวยิง เหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกันในแต่ละชั้นผิว 

ข้อดีของการทำ Ultraformer III

– ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด

– ไม่มีรอยแดงช้ำ

– ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถแต่งหน้าได้เลย  

– ปลอดภัย ไม่ทำร้ายผิวหนังชั้นนอก

– ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย และสลายไขมันได้บางส่วน

– ไม่เป็นอันตรายต่อสายตา จึงสามารถใช้ยกกระชับใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยตรง

– ทำได้บ่อย และสามารถทำหัตถการอื่น ๆ หลังทำ Ultraformer III ได้ด้วย

ร้อยไหมจมูกคืออะไร?

ร้อยไหมจมูกคืออะไร?

ร้อยไหมจมูกคืออะไร​?

          การร้อยไหมจมูก เป็นการร้อยไหมละลายเข้าไปบริเวณสันจมูก โดยไหมดังกล่าวจะเข้าไปช่วยปรับและแก้ไขโครงสร้างเดิมของจมูกเราให้ดูสวยเป๊ะมากขึ้น สามารถตกแต่งได้ทั้งบริเวณสันจมูกและปลายจมูก แก้ไขได้ทั้งปัญหาดั้งแบน ปลายจมูกงุ้ม ปีกจมูกกว้าง และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย โดยนอกจากไหมจมูก จะช่วยปรับรูปทรงของจมูกให้โด่งขึ้นทันทีแล้ว การร้อยไหมจมูกยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ดังนั้นต่อให้ไหมละลายไปแล้ว จมูกของเราก็จะดูโด่งสวยขึ้นมากกว่าก่อนร้อยไหมนั่นเองครับ

ร้อยไหมจมูกเหมาะกับใคร ?

            ไม่อยากดั้งแหมบแต่ไม่อยากศัลยกรรม อยากจมูกโด่งแต่ไม่อยากเจ็บตัว ไม่มีเวลาพักฟื้น ร้อยไหมจมูกนี่แหละครับคือคำตอบ ด้วยนวัตกรรมไหมจมูก PLLA Korean Nose Thread ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับประเทศเกาหลีตัวเดียวกับที่เน็ตไอดอลเกาหลีหลาย ๆ คนเลือกใช้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ เสริมความมั่นใจ เปลี่ยนดั้งที่เคยแบนให้ดูโด่งขึ้น มีมิติมากขึ้น เป็นสันสวยงามมากขึ้น ทำปุ๊บสวยปั๊บ เห็นผลทันทีตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหา สันจมูกแบน  ปีกจมูกกว้างปลายจมูกงุ้ม หรือแม้แต่ จมูกมีฮัมพ์ ไม่เป็นทรง ก็สามารถปรับแก้ได้ครับ

6 ข้อดีของการร้อยไหมจมูก

– เสริมจมูกให้โด่งแบบเป็นธรรมชาติ

– เก็บปีกจมูก ช่วยให้จมูกดูเป็นทรงสวยมากขึ้น

– แก้ปัญหาปลายจมูกงุ้ม

– ช่วยงัดปลายจมูกให้โด่งขึ้น

– ปลอดภัย เจ็บน้อย หลังทำไม่ต้องพักฟื้น

– ไม่ต้องเสริมซิลิโคน ไม่ต้องผ่าตัด ดังนั้นหมดปัญหาเรื่องซิลิโคนเบี้ยว ซิลิโคนทะลุ สามารถละลายไปได้เอง ไม่มีตกค้าง

ทำไมถึงควรมาร้อยไหมจมูกที่ Kalm Clinic

            สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจ แต่ไม่รู้จะร้อยไหมจมูกที่ไหนดี หมอเคนจะมาป้ายยากับ 5 เหตุผลที่อยากให้เพื่อน ๆ ลองมาใช้บริการที่ Kalm ครับ

  1. ประเมินโครงสร้างใบหน้าก่อนทำ ให้คำแนะนำอย่างตรงจุด
  2. ใช้ไหมจมูกเกรดการแพทย์ ปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียง
  3. ไม่เจ็บ เพราะทาง Kalm มีบริการฉีดยาชา ที่สำคัญคุณหมอเคนยังมือเบาสุด ๆ ทุกคน พูดเป็น เสียงเดียวกันว่าชิลมาก รู้ตัวอีกทีก็จมูก โด่งสวยพร้อมกลับบ้าน
  4. บริการเป็นกันเอง ใส่ใจ ติดตามผลลัพธ์ทุกเคส
  5. ดูแลโดยหมอเคน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย

            การร้อยไหมจมูกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ขั้นตอนนั้นง่ายและรวดเร็วมาก ๆ เลยครับ หมอเคนจะเริ่มจากประเมินใบหน้าโดยรวมและรูปร่างของจมูกให้เพื่อน ๆก่อน เพื่อพิจารณาระหว่างรูปทรงจมูกปัจจุบันและทรงจมูกที่อยากได้ รวมทั้งดูว่าเข้ากับใบหน้าโดยรวมหรือไม่ เพื่อให้หลังร้อยไหมจมูกออกมาสวยเป๊ะแต่ยังคงเป็นธรรมชาติ หลังจากนั้นหมอเคนก็จะฉีดยาชา รอจนยาออกฤทธิ์แล้วดำเนินการร้อยไหมให้ค้าบ ใช้เวลาเพียง 15 นาที เพื่อน ๆ ได้ดั้งใหม่ สวยถูกใจแน่นอน