Our sale has started!

Profhilo คืออะไร เหมาะกับใคร ต่างกับ Sculptra ยังไง

Profhilo คืออะไร เหมาะกับใคร ต่างกับ Sculptra ยังไง

profhilo คืออะไร

Profhilo คืออะไร เหมาะกับใคร ต่างกับ Sculptra ยังไง

Profhilo คืออะไร เหมาะกับใคร ต่างกับ Sculptra ยังไง

เมื่อตัวยาที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนเริ่มมีบทบาทในประเทศไทย และคนไทยสนใจดูแลฟื้นฟูผิวพรรณของตัวเองมากขึ้น ทำให้ Profhilo ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่และดังในต่างประเทศ ได้เข้ามาจำหน่ายในไทยเมื่อช่วงปลายปี 2024 โดยเราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Profhilo ให้มากขึึ้น

Profhilo คืออะไร

Profhilo คือ Bio-Remodelling หรือสารฟื้นฟูคุณภาพของโครงสร้างผิวในทุกชั้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ปรับโครงสร้างและฟื้นฟูผิว รักษาความหย่อนคล้อยของผิว ทำให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ก็ดูจางลง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมผิวด้านบนได้อีกด้วย

การทำงานของ Profhilo

การทำงานของ Profhilo

Profhilo เป็นการรวมกันของกรดไฮยาลูโรนิค (Hyluronic Acid) บริสุทธิ์เข้มข้น ทั้งโมเลกุลเล็ก (L-HA) และโมเลกุลใหญ่ (H-HA) เข้าด้วยกันให้เกิดเป็นพันธะใหม่ที่เรียกว่า HCC (Hybrid Cooperative Complex) ด้วยเทคโนโลยี NAHYCO ของบริษัท IBSA Group จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ถึงตัวยาของ Profhilo จะมีส่วนประกอบของ HA เป็นหลัก แต่เป็นแบบ Non-Crosslinked Hyaluronic Acid (ไม่ใช้สารเคมี) ทำให้เมื่อฉีด Profhilo ไปแล้วมีกการอักเสบน้อย ไม่เป็นก้อน ซึ่งไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่ของฟิลเลอร์ที่เป็น Crosslinked Hyaluronic Acid แต่อย่างใด

Profhilo ฉีดจุดไหนได้บ้าง

profhilo ฉีดจุดไหน

โปรแกรมฉีด Profhilo สามารถฉีดได้หลายจุดตามแพทย์ประเมิน ดังนี้

1. การฉีด Profhilo บริเวณใบหน้า เป็นจุดที่นิยมฉีดมากที่สุด ซึ่งแพทย์จะทำการฉีดบริเวณโหนกแก้ม ร่องแก้ม ข้างจมูก มุมปาก และขากรรไกรล่าง โดยจิ้มแค่ 5 จุดต่อใบหน้า 1 ข้าง
2. การฉีด Profhilo บริเวณลำคอที่ผิวเกิดการเสื่อมคอลลาเจน ทำให้ผิวบริเวณลำคอมีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ การฉีดจุดนี้จะทำให้ริ้วรอยเล็กๆ บริเวณลำคอดูจางลง

การฉีด Profhilo ช่วยอะไรได้บ้าง

การฉีด Profhilo จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิว ทำให้เห็นผลดังนี้

1. Profhilo ช่วยลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
2. Profhilo ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว
3. Profhilo ช่วยฟื้นฟูรอยแผลเป็นจากสิวหรือการบาดเจ็บ
4. Profhilo ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีขึ้น
5. Profhilo ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และอิ่มฟู

Profhilo เหมาะกับใคร

profhilo เหมาะกับใคร

การฉีด Profhilo จะเหมาะกับ

– Profhilo เหมาะกับผู้ที่มีอายุมากขึ้น ผิวขาดคอลลาเจน ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และไม่มีความยืดหยุ่นของผิว
– Profhilo เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย และรอยแผลเป็นจากสิว
– Profhilo เหมาะกับผู้ที่เคยฉีด Biostimulator ตัวอื่นมาแล้ว แต่อยากให้ผิวชั้นบนที่มีความเรียบเนียนขึ้น
– Profhilo เหมาะกับผู้ที่ต้องการความชุ่มชื้นตั้งแต่โครงสร้างผิวชั้นตื้นยันชั้นลึก
– Profhilo เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว สามารถใช้ร่วมกับการทำเลเซอร์ในการรักษาหลุมสิวได้

Profhilo ควรฉีดกี่ครั้ง

profhilo ควรฉีดกี่ครั้ง

Profhilo ควรฉีดให้ครบ 2 ครั้ง ซึ่งมีการเว้นระยะห่างของการฉีดใรแต่ละครั้งเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้ตัวยาได้เข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนอย่างเต็มที่ และเมื่อครบ 6 เดือน ควรฉีด Profhilo ซ้ำ จะทำให้ผิวมีการคงสภาพและผลลัพธ์ได้ดีขึ้น

Profhilo กี่วันเห็นผล

การฉีด Profhilo จะเริ่มเห็นผลในช่วง 1 เดือนหลังจากทำหัตถการ ตัวยาที่ฉีดเข้าไปจะมีการกระตุ้นคอลลาเจนในผิวเรื่อยๆ จนเห็นผลชัดเจนในช่วง 2 เดือน ผู้ที่ทำจะสังเกตเห็นได้ว่าผิวมีความกระชับขึ้น และริ้วรอยลดลง

Profhilo กับ Sculptra ต่างกันอย่างไร

profhilo กับ sculptra ต่างกันยังไง

Profhilo เป็น Bio-Remodelling ที่สามารถฉีดได้ทั้งผิวชั้นตื้น และผิวชั้นลึก เพราะตัวยาจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในโครงสร้างทุกชั้นผิว ทำให้ผิวมีความแน่นฟู ชุ่มชื้น และมีความกระชับ แต่ไม่สามารถทำให้ใบหน้าดูยกได้เหมือน Sculptra ที่เป็น Biostimulator เน้นไปที่การกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นลึกหรือชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวมีความหนาแน่นขึ้น ยิ่งฉีดเยอะหน้ายิ่งแน่นและยกกระชับ แต่ไม่ควรฉีดเยอะเกินไป อยู่ที่การประเมินของแพทย์ผู้ดูแลเคส

ซึ่งในเคสที่ทำ Sculptra เพื่อยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจนในโครงสร้างผิวชั้นลึกจนพอใจแล้ว สามารถฉีด Profhilo เพื่อเก็บคุณภาพผิวชั้นตื้นร่วมกันได้

ขั้นตอนการทำ Profhilo

ขั้นตอนการทำ Profhilo โดยแพทย์ที่ Kalm Clinic มีดังนี้

1. ทำความสะอาดใบหน้าและแปะยาชา
2. แพทย์ทำการฉีด Profhilo โดยเทคนิค BAP (Bio Aesthetic Points) ข้างละ 5 จุดบนใบหน้า (หากลำคอจะทำการฉีดทั้งหมด 10 จุด) เพื่อให้ตัวยากระจายได้ทั่วบริเวณที่ฉีด

การดูแลตัวเองหลังทำ Profhilo

หลังฉีด Profhilo

1. หลีกเลี่ยงการกด นวด หรือถูบริเวณที่ฉีด
2. ควรงดการแต่งหน้าหรือใช้สกินแคร์หลังทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
3. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ และงดการออกกำลังกายอย่างหนัก
4. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
5. ควรหลีกเลี่ยงความร้อน เช่น การอบซาวน่า การทำหัตถการประเภทเลเซอร์ และการออกแดดจัดหลังทำ 48 ชั่วโมง

ราคา Profhilo แพงไหม

ราคา profhilo

ราคา Profhilo ที่ Kalm Clinic จะอยู่ที่ 29,000.-/1 กล่อง (จากปกติ 39,999.-)
เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า ทางคลินิกขอแนะนำว่าควรทำกับแพทย์ผู้ที่ผ่านการเทรนฉีด Profhilo โดยบริษัท IBSA Group เท่านั้น

สรุป

การฉีด Profhilo เป็นการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน โดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน สามารถฉีดได้ตั้งแต่ผิวหนังชั้นตื้น ไปจนถึงผิวหนังชั้นลึก ช่วยให้ผิวมีความกระชับ อิ่มฟู มีความยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอยต่างๆ บริเวณใบหน้าและลำคอ เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ขึ้น และจะเริ่มเห็นผลในช่วง 1 เดือน ตัวยาจะคอยกระตุ้นคอลลาเจนไปเรื่อยๆ จนครบ 2 เดือนจะเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้น และเมื่อครบ 6 เดือนควรฉีดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผิวคงสภาพผลลัพธ์ได้เหมือนเดิม

Your content goes here. Edit or remove this text inline or in the module Content settings. You can also style every aspect of this content in the module Design settings and even apply custom CSS to this text in the module Advanced settings.

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?นวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยรักษาปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม และเป็นที่นิยม คงไม่พ้นเครื่อง Pico Laser...

Sculptra คืออะไร ราคาเท่าไหร่ เหมาะกับใคร อันตรายไหม?

Sculptra คืออะไร ราคาเท่าไหร่ เหมาะกับใคร อันตรายไหม?

sculptra คืออะไร

Sculptra คืออะไร ราคาเท่าไหร่ เหมาะกับใคร อันตรายไหม?

Vivace รักษาหลุมสิว กระชับรูขุมขน คืออะไร ?

เมื่อเวลาผ่านไปอายุก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่หล่นหายไปตามกาลเวลา ซึ่งก็คือ “คอลลาเจน” ที่อยู่กับผิวของเรา เมื่อคอลลาเจนที่เคยมีลดลงก็จะทำให้ผิวขเริ่มมีริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และไม่เต่งตึงเหมือนเดิม ซึ่งเป็นสัญญาณของการเริ่มมีอายุอย่างเห็นได้ชัด Sculptra จึงเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น ดังนั้น Sculptra จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มแต่คือการฟื้นฟูจากภายใน

Sculptra คืออะไร

Sculptra เป็น Biostimulator ตัวแรกของโลก ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากใต้โครงสร้างผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้คุณภาพผิวดีขึ้น มีความอิ่มฟู เด้ง เต่งตึง กระชับ ดูเด็กลง เนื่องจากมีคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 25 เดือน Sculptra มีส่วนประกอบเป็น PLLA (Poly-L-Lactic acid) ในรูปแบบผง สังเคราะห์จากพืช จึงไม่ตกค้างในร่างกาย และมีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตราย

กระบวนการทำงานของ Sculptra

กระบวนการ Sculptra

Sculptra 1 ขวด เมื่อนำไปผสมกับ Sterile Water จะอยู่ในรูปแบบน้ำ สามารถฉีดได้ 10CC โดยตัวยา Sculptra ที่ฉีดเข้าสู่ผิวชั้นลึกจะทำการกระจายตัวไปตามจุดที่คุณหมอฉีด เพื่อยกกระชับใบหน้า และปรับปรุงคุณภาพผิว

การออกฤทธิ์ของ Sculptra จะทำงานโดยกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่เป็นต้นกำเนิดของการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย อย่างคอลลาเจน Type 1 ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและกระชับในระยะยาว เพราะเป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง

Sculptra ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

Sculptra ช่วยอะไรบ้าง
Sculptra ทำหน้าที่ไปกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวในโครงสร้างภายใน โดยเน้นไปที่การสร้างคอลลาเจนใหม่
  • Collagen Type 1 ช่วงเรื่องความยืนหยุ่นและคงรูปของผิว พบมากที่สุดในร่างกาย
  • Collagen Type 2 ช่วยซ่อมแซมผิวหนัง พบได้น้อยที่สุดในร่างกาย ทำงานร่วมกับคอลลาเจน Type 1

จากงานวิจัยของ Sculptra พบว่า สามารถสร้างคอลลาเจนได้เพิ่มขึ้นถึง 66.5% หลังฉีด Sculptra ไป 3 เดือน นอกจากนั้นยังช่วยเรื่องอื่นๆ ได้ ดังนี้

1. Sculptra ช่วยฟื้นฟูผิวหนังชั้นลึก เพื่อปรับโครงสร้างให้ผิวกลับมาแข็งแรง
2. Sculptra ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวมีความอิ่มฟู
3. Sculptra ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวเด้ง เต่งตึง
4. Sculptra ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ผิวเนียนขึ้น
5. Sculptra ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว และลดการเกิดริ้วรอย

Sculptra ฉีดจุดไหนได้บ้าง?

Sculptra ฉีดจุดไหน

Sculptra สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง ส่วนใหญ่นิยมฉีดบริเวณด้านข้างของใบหน้าเพื่อเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับ คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ผิวในระยะยาว ดังนี้

1. ขมับ – ฉีด Sculptra เพื่อแก้ปัญหาขมับตอบอันเป็นจุดที่ทำให้ดูมีอายุ อีกทั้งยังช่วยยกหางตาและคิ้วให้กระชับ ดูสดใสขึ้น
2. หน้าแก้ม – ฉีด Sculptra เพื่อแก้ปัญหาหน้าตอบให้ผิวหน้าแก้มมีความเด้ง อิ่มฟู และเต่งตึงขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ
3. กรอบหน้า – ฉีด Sculptra เพื่อกระชับผิวบริเวณกรอบหน้า ทำให้มีความคมชัดขึ้นและไม่หย่อนคล้อย

Sculptra เหมาะกับใคร?

Sculptra เหมาะกับใคร

Sculptra ตัวกระตุ้นคอลลาเจนเหมาะกับ

1. Sculptra เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวขาดคอลลาเจนเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น
2. Sculptra เหมาะกับผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่น มีความหย่อนคล้อยไม่กระชับ
3. Sculptra เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยแบบเห็นได้ชัด
4. Sculptra เหมาะกับผู้ที่ขาดกาดดูแลผิวเป็นเวลานาน และต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน
5. Sculptra เหมาะกับผู้ที่ต้องการผิวแน่น ตึง อิ่มฟู และกระชับขึ้น
6. Sculptra เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำหัตถการที่เห็นผลลัพธ์ยาวนาน ไม่ต้องเจ็บตัวบ่อย ๆ

ขั้นตอนการฉีด Sculptra

ขั้นตอนการฉีด Sculptra

ขั้นตอนการฉีด Sculptra โดยคุณหมอผู้ผ่านการเทรนจาก Galderma Thailand มีดังนี้

1. ทำความสะอาดใบหน้าและแปะยาชาประมาณ 45 นาที ก่อนทำหัตถการ เพื่อลดทอนความเจ็บ
2. คุณหมอเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูปแบบพร้อมฉีด โดยนำผงในขวดไปผสมกับ Sterile Water (น้ำกลั่นปราศจากเชื้อ) และเขย่าให้เข้ากันเป็นเวลา 1 นาที จะได้ Sculptra พร้อมฉีดจำนวน 10CC
3. คุณหมอทำการฉีด Sculptra ให้ครบขวดด้วยเข็มทู่ เพื่อแก้ปัญหาทั่วใบหน้า
4. นวดหน้าหลังฉีด Sculptra ตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อให้ยากระจายตัวได้ดี

ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล ?

ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล

หลังฉีด Sculptra คุณภาพผิวจะดีขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ และเริ่มเห็นผลเต็มที่ในช่วง 3 เดือน โดย Sculptra จะทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง ผิวดูกระชับ เต่งตึง และอิ่มฟู ดูมีน้ำมีนวลขึ้นจากเดิม อีกทั้งริ้วรอยที่เคยมีก็จะค่อย ๆ ลดลง

Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง?

Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล

เนื่องจาก Sculptra เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวอย่างช้าๆ ช่วงแรกควรฉีดอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หรือฉีดให้ครบปริมาณที่ควรรับตามช่วงอายุ เพื่อช่วยปรับสภาพผิว Sculptra จะเริ่มเห็นผลอย่างช้าๆ และผลลัพธ์โดยรวมจะอยู่ได้นานกว่า 25 เดือน

ปริมาณที่ควรฉีดตามช่วงอายุ

ปริมาณการฉีด Sculptra ตามที่คุณหมอแนะนำ ควรฉีดตามช่วงอายุหารด้วย 10 เช่น อายุ 30 ควรฉีด Sculptra 3 ขวด, อายุ 40 ควรฉีด Sculptra 4 ขวด เป็นต้น
แต่เนื่องจากผิวของคนเอเชียจะมีความแข็งแรงกว่าคนยุโรป อาจจะฉีดปริมาณที่ลดลงมาได้ ตามคำแนะนำของคุณหมอ

Sculptra อยู่ได้นานไหม?

ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม

เนื่องจาก Sculptra เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวอย่างช้า ๆ ทำให้เริ่มเห็นผลดีใน 3 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นร่างกายจะกระตุ้นคอลลาเจนไปเรื่อยๆ และผลลัพธ์โดยรวมจะอยู่ได้นานกว่า 25 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง

การดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra

หลังฉีด Sculptra ควรปฏิบัติตัวดังนี้

1. ประคบเย็นเพื่อลดบวม
2. 24 ชั่วโมงแรก: งดแต่งหน้า และงดโดนความร้อนบริเวณใบหน้า
3. งดทำหัตถการอื่น ๆ ในช่วง 2-4 สัปดาห์
4. นวดหน้าด้วยหลัก Triple 5 (นวดครั้งละ 5 นาที วันละ 5 ครั้ง นาน 5 วัน) เพื่อให้ตัวยากระจายเข้าผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Sculptra ราคาเท่าไหร่?

ราคาฉีด Sculptra

ราคาของ Sculptra ที่ Kalm Clinic จะอยู่ที่ 1 ขวด 29,000.- (10CC)
และเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า ควรทำกับคุณหมอผู้ผ่านการเทรนฉีด Sculptra โดยบริษัท Galderma Thailand เท่านั้น

สรุป

Sculptra เป็น Biostimulator ตัวแรกของโลกที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อปรับโครงสร้างภายในผิวให้มีความแข็งแรงขึ้น โดยจะอยู่ในรูปแบบผงก่อนนำมา ผสมกับ Sterile Water จนได้เป็น Sculptra พร้อมฉีด 10CC เหมาะกับผู้ที่ผิวขาดคอลลาเจนและความยืดหยุ่น ต้องการทำหัตถการที่ทำครั้งเดียวแต่อยู่ได้นานกว่า 25 เดือน ซึ่งหลังการฉีดควรนวดหน้าตามหลัก Triple 5 (นวดครั้งละ 5 นาที วันละ 5 ครั้ง นาน 5 วัน) เพื่อให้ตัวยากระจายได้เต็มที่ จะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วง 3 เดือนแรกเป็นต้นไป

Your content goes here. Edit or remove this text inline or in the module Content settings. You can also style every aspect of this content in the module Design settings and even apply custom CSS to this text in the module Advanced settings.

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?นวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยรักษาปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม และเป็นที่นิยม คงไม่พ้นเครื่อง Pico Laser...

Oligio คืออะไร? ยกกระชับ ลดไขมันแก้มและเหนียง ได้จริงไหม?

Oligio คืออะไร? ยกกระชับ ลดไขมันแก้มและเหนียง ได้จริงไหม?

Oligio คืออะไร? ยกกระชับ ลดไขมันแก้มและเหนียง ได้จริงไหม?

Oligio คืออะไร? ยกกระชับ ลดไขมันแก้มและเหนียง ได้จริงไหม?

หน้าเรียววีเชฟเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ ปัจจุบันมีวิธีทำให้หน้าเรียวเหนียงยุบเยอะมาก แต่หากใครที่กำลังมองหาวิธีที่จะทำให้เจ็บน้อยที่สุด ก็คงไม่พ้นการทำเครื่องยกกระชับ ซึ่งตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ โดยเครื่อง Oligio เป็นอีกเครื่องที่กำลังได้รับความสนใจมาก เพราะช่วยลดไขมันส่วนเกินในส่วนต่างๆ บนใบหน้าได้

Oligio คืออะไร?

Oligio คือเครื่องยกกระชับใหม่ล่าสุดจากเกาหลี ที่ใช้เทคโนโลยี Monopolar RF ส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) เพื่อช่วยกระชับผิวหนังและกระตุ้นคอลลาเจน โดยบริเวณหัว Tips ของ Oligio จะมีขนาดใหญ่ (F4.0) ทำให้การยิงพลังงานมีความแม่นยำและสม่ำเสมอ ทำให้ประสิทธิภาพการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังมีความกระชับ แน่น และยืดหยุ่น นอกจากนั้นความร้อนจากเครื่อง Oligio ยังช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวให้มีขนาดบางลงได้อีกด้วย

Oligio ช่วยอะไร

Oligio สามารถปล่อยพลังงานไปยังผิวชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันได้ จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ดังนี้

1. Oligio ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้มีความเฟิร์มกระชับมากขึ้น
2. Oligio ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
3. Oligio ช่วยสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง จากคลื่นความร้อนที่ส่งไปยังผิว ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น แก้มและเหนียงก็ลดลง
4. Oligio ช่วยกระชับรูขุมขน ลดริ้วรอย และผิวมีความเรียบเนียนขึ้น

Oligio ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง?

Oligio ทำจุดไหนได้บ้าง

Oligio เป็นเครื่องที่ช่วยกระชับทุกสัดส่วนบนร่างกายได้ ดังนี้

1. บริเวณทั่วผิวหน้า Oligio ช่วยให้ใบหน้ามีความเฟิร์มกระชับขึ้น
2. บริเวณรอบดวงตา คิ้ว และหน้าผาก Oligio ช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆ บริเวณนี้จางลง ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
3. บริเวณกรอบหน้า Oligio ช่วยให้กรอบหน้ามีความคมชัดขึ้น
4. บริเวณใต้คาง Oligio ช่วยสลายไขมันบริเวณใต้คางหรือเหนียง
5. บริเวณลำคอ Oligio ช่วยให้ผิวบริเวณลำคอมีความกระชับขึ้น
6. บริเวณต้นแขน Oligio ช่วยลดไขมันบริเวณต้นแขน จากที่หย่อนคล้อยให้มีความเฟิร์มและผิวแน่นขึ้น
7. บริเวณหน้าท้อง Oligio ช่วยลดไขมันหน้าท้อง แต่อาจจะต้องใช้จำนวนช็อตที่มากกว่าบริเวณผิวหน้า

Oligio เหมาะกับใคร

Oligio เหมาะกับใคร

เครื่องยกกระชับ Oligio เหมาะกับ

1. ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และอยากให้ผิวมีความเฟิร์มกระชับและเรียบเนียนขึ้น
2. ผู้ที่มีปัญหาแก้ม เหนียง และไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังเยอะ
3. ผู้ที่มีเนื้อแก้มเยอะ และอยากลดไขมันบริเวณแก้มเพื่อให้ใบหน้าดูเล็กลง
4. ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด อยากให้หน้าดูคมขึ้น
5. ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องแก้ม และไม่อยากทำหัตถการที่ใช้เข็ม
6. ผู้ที่มีกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวหน้า
7. ผู้ที่ต้องการชะลอความหย่อนคล้อยของผิวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ขั้นตอนการทำ Oligio

ขั้นตอนทำ Oligio

ขั้นตอนการทำ Oligio โดยคุณหมอ มีดังนี้

1. ทำความสะอาดใบหน้าและแปะยาชา (ประมาณ 30-40 นาที) ก่อนทำหัตถการ
2. ทำการแปะแผ่นนำสื่อบริเวณต้นแขน เพื่อให้พลังงานส่งไปยังผิวหนัง
3. ทาเจลสำหรับเครื่อง Oligio ลงบริเวณที่จะรักษา
4. ใส่หัว Oligio เพื่อปล่อยพลังงานที่ผิวและแก้ปัญหาทั่วใบหน้าจนครบจำนวนช็อต
5. ทำความสะอาดใบหน้าหลังทำหัตถการเสร็จ

Oligio อยู่นานแค่ไหน

เนื่องจาก Oligio จะส่งพลังงานจากคลื่น Monopolar RF เพื่อไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวโดยตรง จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคงอยู่นานประมาณ 9-12 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและปัจจัยอื่น ๆ *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของแต่ละคน

การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio

การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio

หลังทำ Oligio สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่น ไปเที่ยว แต่งหน้า ทาครีม แต่ 1 สัปดาห์หลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการประเภทเลเซอร์ และอบซาวน่า เพื่อการฟื้นฟูผิวอย่างเต็มที่ *หากมีอาการปวดสามารถประคบเย็นได้

Oligio ราคาแรงไหม?

ราคา Oligio

โปรโมชั่นเครื่องยกกระชับ Oligio ที่ Kalm Clinic มีดังนี้

1. Oligio 100 Shots 5,900.- (จากปกติ 13,900.-)
2. Oligio 300 Shots 15,900.- (จากปกติ 22,900.-) เลือกของแถมได้ 1 รายการ

รายการของแถม

– Ultraformer III 100 Shots
– โบกรามหรือริ้วรอย (Aestox)
– Fat-M 1 ขวด

สรุป

Oligio เป็นเครื่องยกกระชับที่ใช้เทคโนโลยี Monopolar RF ส่งพลังงานลงไปเพื่อกระชับผิวและกระตุ้นคอลลาเจน อีกทั้งความร้อนยังช่วยลดไขมันได้อีกด้วย เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แฟตเยอะ และอื่น ๆ การทำ Oligio 1 ครั้งจะให้ผลลัพธ์ประมาณ 9-12 เดือน สามารถทำได้แทบจะทุกบริเวณที่ต้องการให้ผิวกระชับและลดไขมัน

Your content goes here. Edit or remove this text inline or in the module Content settings. You can also style every aspect of this content in the module Design settings and even apply custom CSS to this text in the module Advanced settings.

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?นวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยรักษาปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม และเป็นที่นิยม คงไม่พ้นเครื่อง Pico Laser...

Ultraformer III คืออะไร? ยกหน้าเรียวแบบไม่พึ่งเข็ม

Ultraformer III คืออะไร? ยกหน้าเรียวแบบไม่พึ่งเข็ม

เรื่องควรรู้ก่อนทำ Ultraformer III

Ultraformer III คืออะไร? ยกหน้าเรียวแบบไม่พึ่งเข็ม

Ultraformer III คืออะไร? ยกหน้าเรียวแบบไม่พึ่งเข็ม

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น คอลลาเจนในร่างกายลดลง ส่งผลให้ผิวและใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง รวมถึงการมีไขมันส่วนเกินบริเวณเหนียง ก็เป็นปัญหาสำหรับใครหลายๆ คน และ Ultraformer III คือเครื่องยกกระชับที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากให้ใบหน้ายกกระชับ ริ้วรอยลดลง โดยไม่ต้องพึ่งเข็ม และไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน

Ultraformer III คืออะไร ?

Ultraformer III หรือ Ultraformer 3 คือ เครื่องยกกระชับที่ใช้ที่ใช้เทคโนโลยี MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) เป็นการปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงสู่ชั้นผิวได้ตรงจุด ทำให้สามารถกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และยิงลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นผิวหนังที่ใช้สำหรับการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า) ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ หดตัว ส่งผลให้ผิวด้านบนมีความกระชับขึ้น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่เต่งตึง และริ้วรอยต่างๆ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด

4. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการปรับใบหน้าสำหรับคนที่มีร่องแก้มลึก ลดริ้วรอย โดยการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มร่องลึกบริเวณข้างจมูกให้ตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูกระชับ อ่อนเยาว์ขึ้น

5. ฟิลเลอร์ขมับ

ฟิลเลอร์ขมับ เหมาะสำหรับใครที่มีขมับตอบ หรือบริเวณขมับเว้าลึก โดยการฉีดฟิลเลอร์ที่ขมับทั้งสองข้างจะช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูอิ่มฟูมากขึ้น ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน บริเวณโหนกแก้มที่ดูเด่นก็จะดูนุ่มนวลขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมจะดูอ่อนเยาว์ขึ้น และยังช่วยยกกระชับบริเวณหางตาและหางคิ้ว

Ultraformer III คืออะไร? ยกหน้าเรียวแบบไม่พึ่งเข็ม

Ultraformer III คืออะไร? ยกหน้าเรียวแบบไม่พึ่งเข็ม

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น คอลลาเจนในร่างกายลดลง ส่งผลให้ผิวและใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง รวมถึงการมีไขมันส่วนเกินบริเวณเหนียง ก็เป็นปัญหาสำหรับใครหลายๆ คน และ Ultraformer III คือเครื่องยกกระชับที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากให้ใบหน้ายกกระชับ ริ้วรอยลดลง โดยไม่ต้องพึ่งเข็ม และไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน

Ultraformer III คืออะไร ?

Ultraformer III หรือ Ultraformer 3 คือ เครื่องยกกระชับที่ใช้ที่ใช้เทคโนโลยี MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) เป็นการปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงสู่ชั้นผิวได้ตรงจุด ทำให้สามารถกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และยิงลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นผิวหนังที่ใช้สำหรับการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า) ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ หดตัว ส่งผลให้ผิวด้านบนมีความกระชับขึ้น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่เต่งตึง และริ้วรอยต่างๆ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด

Ultraformer III ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง ?

เนื่องจาก Ultraformer III เป็นเครื่องยกกระชับที่มีเทคโนโลยี MMFU ทำให้แบ่งออกเป็น 2 พลังงานที่แก้ปัญหาได้แตกต่างกัน ดังนี้

1. Micro Focused Ultrasound ส่งพลังงานเข้าสู่ผิวไปยังชั้น SMAS (ชั้นผิวที่ใช้ในการผ่าตัดเพื่อยกกระชับใบหน้า) ทำให้เนื้อเยื่อมีการหดตัวกระชับขึ้นในที่สุด
2. Macro Focused Ultrasound ช่วยกระตุ้นการสร้าวคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และสลายไขมัน เนื่องจากความร้อนที่ส่งลงมายังผิวหนัง

โดยเครื่องยกกระชับ Ultraformer III จะช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนี้

Ultraformer III ช่วยอะไร
ฉีดฟิลเลอร์ตรงขมับ

1. Ultraformer III ช่วยกระชับผิวบริเวณใบหน้าและลำคอ ทำให้ผิวมีความเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย
2. Ultraformer III ช่วยลดปัญหาเหนียงที่หลายคนพบเจอ และช่วยให้กรอบหน้ามีความชัดขึ้น
3. Ultraformer III ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยต่างๆ รอบดวงตา และแก้ปัญหาหนังตาตก
ทำให้ใบหน้าดูสดใส มีชีวิตชีวามากขึ้น
4. Ultraformer III ช่วยลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มและมุมปาก

Ultraformer III ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

ตำแหน่งทำ Ultraformer III

Ultraformer III เครื่องยกหน้าเรียวสามารถทำได้หลายตำแหน่ง เนื่องจากมี “หัวยิง” หลายหัว และแต่ละหัวก็ช่วยแก้ปัญหาได้คนละแบบ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ของแพทย์ ส่วนใหญ่จะนิยมทำ Ultraformer III ตามบริเวณต่าง ๆ ดังนี้

1. ใบหน้า ช่วยให้ใบหน้ามีความยกกระชับขึ้น
2. ร่องแก้ม มุมปาก ช่วยลดริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น
3. รอบดวงตา ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตามีความสดใสขึ้น และริ้วรอยต่างๆ ก็ลดลง
4. คิ้ว ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตก
5. หน้าผาก ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากและทำให้ผิวกระชับ
6. เหนียง ลดไขมันบริเวณเหนียงและกรอหน้า ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
7. ลำคอ ทำให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย

Ultraformer III เหมาะกับใคร ?

จุดเด่นของเครื่องยกกระชับ Ultraformer III คือการยกกระชับและลดริ้วรอยเล็กๆ จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังนี้

Ultraformer III เหมาะกับใคร

1. เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
2. เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง
3. เหมาะกับผู้ที่มีปัญกาหนังตาตก คิ้วตก มีร่องใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูไม่สดชื่น
4. เหมาะกับผู้ที่ปัญหาริ้วรอยร่องตื้น
5. เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อใต้คางหรือเหนียงเยอะ
6. เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกหน้าเรียว กรอบหน้าชัด
7. เหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินตามสัดส่วนต่างๆ

Ultraformer III ต่างจาก HIFU และ Ulthera อย่างไร

Ultraformer III ต่างกับ Hifu ไหม

Ultraformer III กับ UIFU

HIFU ทั่วไปจะไม่เจ็บเท่า Ultraformer III เพราะมีจุดโฟกัสเล็ก และพลังงานที่ส่งลงไปยังชั้นผิวมีความไม่คงที่ และ HIFU ส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน ส่วน Ultraformer III ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 6-12 เดือน ซึ่ง Ultraformer III เรียกได้ว่าเป็น HIFU ที่มีเทคโนโลยี Macro Focused ที่ปล่อยพลังงานแบบแม่นยำ และพลังงานคงที่กว่า HIFU

Ultraformer III กับ Ulthera

จุดโฟกัสของคลื่นพลังงานของ Ultraformer III มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-1 มิลลิเมตร และ Ulthera มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตร ทำให้ระหว่างทำหัตถการ Ulthera จะให้ความรู้สึกเจ็บกว่า Ultraformer III

ขั้นตอนการทำ Ultraformer III

ขั้นตอนทำ Ultraformer III

ขั้นตอนการทำ Ultraformer III โดยคุณหมอ มีดังนี้

1. ปรึกษาแพทย์ ประเมินสภาพปัญหา เพื่อวิเคราะห์จำนวยช็อตที่ต้องใช้
2. ทำความสะอาดใบหน้าและแปะยาชา (ประมาณ 30-40 นาที) เพื่อลดความเจ็บก่อนทำหัตถการ
3. ใช้เจลสำหรับเครื่อง Ultraformer III ทาลงบริเวณที่จะรักษา
4. แพทย์เริ่มปล่อยพลังงานไปที่ผิวและแก้ปัญหาทั่วใบหน้าจนครบจำนวนช็อต
5. ความสะอาดใบหน้าหลังทำหัตถการเสร็จ

Ultraformer III กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน ?

Ultraformer III กี่วันเห็นผล

หลังทำเครื่องยกกระชับ Ultraformer III เสร็จทันทีจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ประมาณ 20-30% และจะเริ่มเห็นผลเต็มที่ในช่วง 2-3 เดือน ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล

การดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer III

วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer III

หลังทำ Ultraformer III ยกหน้าเรียวอาจมีอาการปวดบริเวณที่ทำ สามารถประคบเย็นได้ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ควรป้องกันผิวด้วยการทาครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ ทุกวัน และงดกด นวด และถูแรงๆ บริเวณที่ทำ งดทำหัตถการประเภทเลเซอร์ทุกชนิด 1 สัปดาห์

Ultraformer III ราคาเท่าไหร่

ราคา Ultraformer III

ราคาของเครื่องยกกระชับ Ultraformer III ที่ Kalm Clinic จะแบ่งตามจำนวนช็อตดังนี้

1. Ultraformer III 400 Shots ราคา 10,000.- (ฟรีโบลิฟท์กรอบหน้า)
2. Ultraformer III 500 Shots ราคา 12,500.- (ฟรีโบลิฟท์กรอบหน้า)
3. Ultraformer III 600 Shots ราคา 15,000.- (เลือกรับของแถม 1 อย่าง + สิทธิ์แลกซื้อพิเศษ 1 สิทธิ์)

สรุป

Ultraformer III เป็นเครื่องยกกระชับที่สามารถปล่อยพลังงานสู่ผิวหนังชั้น SMAS เพื่อทำการยกกระชับใบหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวบริเวณที่ทำหัตถการมีความเต่งตึงและยกกระชับขึ้น ริ้วรอยดูจางลง รวมถึงสามารถลดเหนียงใต้คางได้ ทำให้กรอบหน้ามีความคมชัด หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ควรงดทำหัตถการประเภทเลเซอร์ไปก่อน

Your content goes here. Edit or remove this text inline or in the module Content settings. You can also style every aspect of this content in the module Design settings and even apply custom CSS to this text in the module Advanced settings.

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Pico Laser คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?นวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยรักษาปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม และเป็นที่นิยม คงไม่พ้นเครื่อง Pico Laser...