หัตถการงานผิวหรือการฟื้นฟูผิวเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน และ Juvelook ก็เป็นงานผิวตัวใหม่ส่งตรงจากเกาหลี ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องความฉ่ำและชุ่มชื้นของผิว อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบ 2 in 1 เหมาะสำหรับผู้ต้องการดูแลผิวแบบเร่งด่วน

Juvelook คืออะไร

Juvelook คือ Hybrid Biostimulator เป็นตัวกระตุ้นคอลลาเจนโดยมีส่วนผสมของ PDLLA (Poly D,L-Lactic Acid) และ HA (Hyaluronic Acid) ทำให้ Juvelook มีจุดเด่นในด้านการเติมเต็มหลังฉีดทันที และสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในระยะยาวได้ ส่งผลให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องพักฟิื้น

Juvelook ช่วยอะไร

การฉีด Juvelook เป็นการฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาสภาพผิวได้หลายอย่าง ดังนี้

  1. การฉีด Juvelook ช่วยให้ริ้วรอยขนาดเล็กแลดูจางลง
  2. การฉีด Juvelook ช่วยเติมเต็มร่องใต้ตาและฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ให้ดูตื้นขึ้น
  3. การฉีด Juvelook ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว เพื่อให้ผิวมีความกระชับขึ้น
  4. การฉีด Juvelook ช่วยให้รูขุมขนกระชับ เรียบเนียนขึ้นได้
  5. การฉีด Juvelook เป็นการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  6. การฉีด Juvelook ช่วยลดปัญหารอยสิวที่เกิดขึ้น
  7. การฉีด Juvelook ช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวที่ถูกทำร้ายจากมลภาวะต่างๆ
  8. การฉีด Juvelook ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น

Juvelook เหมาะกับใคร

Juvelook เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังนี้

  1. ผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ร่องแก้ม หน้าผาก มุมปาก และอื่นๆ
  2. ผู้ที่ต้องการการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
  3. ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าขาดความกระชับ รูขุมขนกว้างเล็กน้อย
  4. ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  5. ผู้ที่มีจุดด่างดำ และรอยต่างๆ ที่เกิดจากสิว
  6. ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้ดูเนียนใสขึ้น
  7. ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น
  8. ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว

Juvelook ฉีดจุดไหนได้บ้าง

การฉีด Juvelook สามารถทำได้หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหา เช่น

  1. ฉีดทั่วใบหน้า เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวมีความกระชับ อิ่มฟู
  2. ฉีดบริเวณใต้ตา เพื่อช่วยให้ใต้ตาสว่างขึ้น ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา
  3. ฉีดบริเวณตีนกาหรือร่องน้ำตา เพื่อให้ผิวมีความเรียบเนียน ริ้วรอยดูจางลง
  4. ฉีดบริเวณหน้าแก้ม เพื่อเพิ่มความแน่นของรูขุมขนให้กระชับขึ้น
  5. ฉีดบริเวณที่มีปัญหาหลุมสิว เนื่องจากมีการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินเพื่อฟื้นฟูหลุมสิว
  6. ฉีดบริเวณหน้าผาก ให้ผิวมีความกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น
  7. ฉีดบริเวณหน้าเฉพาะจุด ตามที่แพทย์ประเมิน

Juvelook กี่ครั้งเห็นผล

การทำ Juvelook ให้เห็นผลจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล

  1. ในเคสที่มีปัญหาริ้วรอยเล็กๆ ผิวแห้งขาดน้ำ หรือใต้ตาคล้ำ สามารถใช้ Juvelook 1 ขวด หรือการฉีด 1 ครั้งเพื่อแก้ปัญหาได้
  2. สำหรับเคสที่มีริ้วรอยชัดเจน หลุมสิว รูขุมขนกว้าง และปัญหาผิวอื่นๆ สามารถใช้ Juvelook 2-3 ขวด เพื่อแก้ปัญหา โดยการฉีดครั้งละ 1 ขวด ต่อเนื่องกัน 2-3 ครั้ง

Juvelook อยู่ได้กี่เดือน

การคงอยู่ของผลลัพธ์การทำ Juvelook จะเริ่มกระตุ้นคอลลาเจนไปเรื่อยๆ ซึ่งจะแบ่งได้ตามระยะเวลา ดังนี้

  1. หลังทำทันที Juvelook จะช่วยเติมเต็มและเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว เพราะมีอนุภาคของ HA สำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ หลังฉีดจะดูสดใสขึ้น
  2. หลังทำ 2-4 สัปดาห์ สารของ PDLLA จะเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว เพิ่มความอิ่มฟู ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  3. หลังทำ 6 เดือน เมื่อคอลลาเจนในผิวถูกกระตุ้นและมีปริมาณมากขึ้น จะช่วยให้รูขุมขนดูกระชับ ในกรณีของผู้มีปัญหาหลุมสิวจะช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน

การดูแลหลังทำ Juvelook  

หลังฉีด Juvelook มีวิธีปฏิบัติดังนี้

  1. 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ควรงดการแต่งหน้าเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  2. 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน
  3. งดกด นวด หรือถู บริเวณที่ทำหัตถการ เพื่อไม่ให้ตัวยาที่ฉีดไปมีการเคลื่อนตัวไปยังจุดอื่นที่ไม่ต้องการ
  4. สามารถทาครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ เพื่อเสริมปราการให้ผิวได้

ราคา Juvelook แพงไหม?

ราคา Juvelook ที่ Kalm Clinic มีดังนี้

  1. Juvelook 4CC 9,999.-
  2. ซื้อ 2 เซต (8CC) รับฟรี 2CC

สรุป

Juvelook เป็นตัวกระตุ้นคอลลาเจนประเภท Hybrid Biostimulator ที่มีทั้ง HA และ PDLLA ในตัว ช่วยให้ผิวมีความอิ่มฟู ดูเต็มขึ้นหลังจากการฉีด และสามารถกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินจากภายในไปเรื่อยๆ ช่วยให้ผิวมีความกระชับ กระจ่างใสขึ้นจากเดิม ริ้วรอยต่างๆ ก็ดูลดลง

Kalm Clinic มีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำปรึกษาฟรี คลิกเพื่อติดต่อได้เลย