ปัจจุบันการยกกระชับใบหน้าเป็นเทรนด์ที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ เนื่องจากไม่ต้องใช้เข็ม อีกทั้งมีหลายเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์และคนไข้ให้เลือกสรร โดยเครื่องที่กำลังเป็นที่นิยมในด้านความคุ้ม คือ Oligio และ Ultraformer III แม้จะมีเป้าหมายเกี่ยวกับการยกและกระชับที่คล้ายกัน แต่มีการทำงานและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เมื่อทำร่วมกันจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

Oligio คืออะไร

Oligio เป็นเทคโนโลยี Monopolar RF (คลื่นวิทยุความถี่สูง) ที่ปล่อยพลังงานลงไปกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาตึงแน่น รูขุมขนแลดูเล็กลง และผิวดูเรียบเนียนขึ้น

  • จุดเด่น: เน้นความแน่นและความเฟิร์มของผิว
  • เหมาะกับ: ผู้ที่รู้สึกว่าผิวเริ่มหลวม โทรม ไม่กระชับ ต้องการให้ผิวแน่นขึ้น

Ultraformer III คืออะไร

Ultraformer III เป็นเครื่องยกกระชับที่ใช้เทคโนโลยี Micro & Macro Focused Ultrasound ส่งพลังงานไปที่ชั้น SMAS (ชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว) ช่วยยกโครงหน้าและเก็บกรอบหน้าให้ชัด

  • จุดเด่น: เน้นความยกของใบหน้า
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการเก็บกรอบหน้าให้ชัด ยกแก้ม ยกคาง และปรับรูปหน้า

Oligio vs Ultraformer III ต่างกันยังไง

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของ Oligio vs Ultraformer III โดยแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้

คุณสมบัติ Oligio Ultraformer III
เทคโนโลยี Monopolar RF Micro & Macro Focused Ultrasound
การลดความเจ็บ ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) ชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว (SMAS)
จุดเด่น เพิ่มความเฟิร์มให้ผิวทุกชั้น และความร้อนจากตัวเครื่องจะช่วยให้ไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังมีขนาดเล็กลง ยกกระชับโครงสร้างใบหน้าในชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว
ผลลัพธ์ ผิวมีความแน่นขึ้น รูขุมขนเล็กลง คุณภาพผิวดีขึ้น หน้ายก ปรับรูปหน้าให้ได้รูป และกรอบหน้าชัดขึ้น
เหมาะกับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่แน่น ไม่กระชับ ผู้ที่ต้องการยกกรอบหน้า ลดริ้วรอยบางส่วน

ทำไมทำ Oligio กับ Ultraformer III คู่กันแล้วดี?

เนื่องจากปัญหาผิวและความหย่อนคล้อยไม่ได้เกิดจากชั้นผิวเพียงชั้นเดียว เพราะเกิดจากการที่คอลลาเจนในแต่ละชั้นผิวค่อยๆ หายไป การทำ Oligio และ Ultraformer III ร่วมกันจึงตอบโจทย์การแก้ปัญหาผิวได้ครบกว่า

1. แก้ปัญหาโครงสร้างผิวหย่อนคล้อยและผิวไม่แน่นไปพร้อมกัน

เมื่อมีปัญหากรอบหน้าเริ่มหาย แก้มตก มีแก้มและเหนียง เครื่อง Ultraformer III จะช่วย ยกกระชับผิวจากชั้น SMAS ทำให้รูปหน้าชัดขึ้น ส่วน Oligio จะเข้ามาดูแลผิวในชั้นอื่นๆ เพื่อให้ผิวแน่น แลดูสุขภาพดี

2. ได้ผลลัพธ์แบบ 2 in 1 ทั้งยกและฟื้นฟูผิว

หากทำ Ultraformer III อย่างเดียว ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นแต่ผิวยังมีความบางและไม่เฟิร์มอยู่ แต่การทำคู่กันจะช่วยให้ผิวที่ยกขึ้นนั้นดูเนียนละเอียดขึ้นด้วย Oligio

3. ผลลัพธ์อยู่ได้นาน

Ultraformer III และ Oligio จะช่วยให้เห็นผลของการยกผิวได้ทันทีในบางส่วน และชัดขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 1-3 เดือนแรก ทำให้ผลของการยกกระชับนั้นคงอยู่ได้นานขึ้น และดูเป็นธรรมชาติ

เหมาะกับใคร

การทำ Oligio และ Ultraformer III คู่กัน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลากหลายรูปแบบ นอกจากปัญหาผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อยแล้ว ยังมีปัญหาคุณภาพผิวที่เปลี่ยนไปอีกด้วย

  1. เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด แก้มล่างตก มุมปากตก หรือมีเหนียง Ultraformer III และ Oligio จะช่วยยกกรอบหน้าให้กลับมาคมชัด
  2. ผู้ที่เริ่มมีปัญหาหย่อนคล้อยทั้งโครงหน้าและผิว ทำให้รู้สึกผิวบางลง ไม่กระชับ เวลาส่องกระจกจะเห็นผิวที่ดูโทรม รวมทั้งการแต่งหน้าที่ไม่ติดทน Oligio และ Ultraformer III จะช่วยให้ผิวแน่นขึ้น รูขุมขนกระชับ และผิวดูเรียบเนียน
  3. ผู้ที่อยากได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมในครั้งเดียว ไม่อยากทำหัตถการหลายครั้งเพื่อแก้ทีละจุด แต่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนทั้งรูปหน้าและผิวหน้า
  4. ผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอยและความหย่อนคล้อยในอนาคต การทำคู่กันจะช่วยชะลอการเสื่อมของผิว ทำให้ยังคงความอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น

สรุป

ถึงแม้ Oligio และ Ultraformer III จะเป็นเครื่องยกกระชับเหมือนกัน แต่มีจุดเด่นและเทคโนโลยี่ที่แตกต่างกัน การทำร่วมกันจึงให้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วน ทั้งการยกหน้าและการกระชับ ในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและชัดเจน

Kalm Clinic มีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำปรึกษาฟรี คลิกเพื่อติดต่อได้เลย